![]() |
สวัสดีครับ/ค่ะคุณผู้อ่านทุกท่าน วันนี้มาในหัวข้อที่คาดว่าเทคโนโลยีนี้น่าจะมีการใช้งานเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในอนาคต หลายๆท่านน่าจะเคยได้ยินมาบ้างแล้วนั้นก็คือ AR และ VR ในการศึกษาหรือพูดรวมๆก็คือ Augmented
reality and virtual worlds in education นั่นเองเดี๋ยวพวกเราจะแจกแจงให้เข้าใจกันมากขึ้นนะครับ/ค่ะ แต่ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับคำว่า Augmented Reality และ Virtual Reality ว่า 2 สิ่งนี้มีความหมายที่เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ไปกันเลย
เทคโนโลยี Augmented Reality (AR)
![]() |
ที่มา : https://tuemaster.com/wp-content/uploads/2021/01/ar-800x400.jpg |
Augmented Reality (AR) คือ
การนำเทคโนโลยีมาผสมผสานระหว่างมุมมองโลกแห่งความจริง เข้ากับวัตถุเสมือนจริง ผ่านเครื่องมือสื่อสารต่าง
ซึ่งทำให้เกิดประสบการณ์การรับรู้ที่แปลกใหม่ โดยเป็นการเรียนรู้แบบอินเทอร์แอคทีฟ
คือสามารถตอบโต้กับวัตถุเสมือนจริงได้
ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มองค์ประกอบทางดิจิตอลต่างๆ บนเครื่องมือสื่อสาร
ปัจจุบัน
เทคโนโลยี AR กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก
และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการศึกษาได้อย่างมากมาย
โดยห้องเรียนที่มีการใช้สื่อภาพเคลื่อนไหวแบบ AR นั้นจะช่วยกระตุ้นให้นักเรียนรู้สึกอยากเรียนรู้
และช่วยให้พวกเขาสามารถเข้าใจหัวข้อต่างๆได้ดียิ่งขึ้น หากมีข้อมูลเพิ่มเติม เช่น
ข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ภาพโมเดล 3 มิติ
ข้อความตัวอย่างเสียงหรือวิดีโอจากครู
ซึ่งจะปรากฏขึ้นหลังจากที่นักเรียนใช้เครื่องมือสื่อสารของตัวเองสแกนบางอย่างบนหน้าหนังสือของพวกเขา
เป็นต้น
ความจริงเสมือน Virtual reality (VR)
ที่มา : http://kmit.in/emagazine/wp-content/uploads/2017/07/IMG-20170730-WA0009.jpg |
Virtual reality (VR) คือ การจำลองโลกเสมือนจริงแบบ 360 องศา ถ้า AR คือ การสร้างให้เราเห็นหรือตอบสนองกับวัตถุเสมือนในโลกของความจริง เทคโนโลยี VR คือ การพาเราไปอยู่ในโลกของความจริงเสมือน ผ่านการใช้แว่น VR ซึ่งทำให้เรารู้สึกถึงความสมจริงมากกว่า โดยผู้ใช้จะถูกทำให้รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งกับความจริงเสมือนนั้น และสามารถจะตอบสนองอย่างไรก็ได้กับโลกเสมือนตามขอบเขตที่กำหนดไว้ โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี VR นี้ กำลังขยายตัวและเติบโตอย่างมาก ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนและสนับสนุนจากทั่วโลก สิ่งนี้ทำให้ในอนาคตอันใกล้นี้ เครื่องมือที่ตอบสนองกับเทคโนโลยี VR นั้นจะมีราคาที่ถูกลง และเข้าถึงกับผู้คนในทุกระดับมากยิ่งขึ้น
ความแตกต่างระหว่างเทคโนโลยี
AR และ
VR
กล่าวถึงเทคโนโลยี
VR (Virtual
Reality) นั้นเป็นเทคโนโลยีที่ต้องอาศัยแว่นตาที่ครอบศรีษะ
(Head-mounted
Display) เวลาส่วมใส่แล้วผู้ใช้งานเสมือนเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมสามมิตินั้นจริงๆ
(Immersive
experience) เมื่อเปรียบเทียบกับ
VR และ AR แล้ว
เทคโนโลยี AR สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้งานโดยเสริม
หรือ ต่อเติมจินตนาการ ซ้อนทับบนโลกความจริง
ไม่ได้นำผู้ใช้งานหลุดไปอยู่อีกโลกนึงเหมือน VR ส่วน
MR (Mixed reality) เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อยอดจาก AR โดยเนื้อหา Content
สามมิติถูกนำเสนอผสมผสาน
ซ้อนทับกับโลกความจริงคล้ายๆเทคโนโลยี AR
แต่ที่ต่อยอดมาคือ
เนื้อหาที่นำเสนอสามารถผสมผสานซ้อนทับหรือโต้ตอบเข้ากับโลกจริงได้สมจริงมากขึ้น
![]() |
ที่มา : https://themomentum.co/wp-content/uploads/2017/02/vr-5.png |
ด้วยความช่วยเหลือของ AR และ VR นักเรียนจะได้เรียนรู้แบบโต้ตอบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เทคโนโลยีใหม่เหล่านี้ไม่ได้จํากัดอยู่เพียงกลุ่มอายุใดกลุ่มหนึ่งของนักเรียนเท่านั้น
วันนี้มันอาจจะไม่มีอยู่ในทุกโรงเรียนหรือวิทยาลัย แต่ในปีต่อ ๆ
ไปมันจะอยู่ที่นั่น ตามรายงานของสถาบันเทคโนโลยีนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา
เราจึงเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า Augmented Reality and Virtual Worlds
in Education
การประยุกต์ใช้ AR ในการศึกษา
- เรียนรู้เสมือนจริงแม้อยู่ในชั้นเรียน (Augmented Reality classroom) ผู้เรียนสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้แม้ว่าสิ่งนั้นไม่ได้อยู่ในห้องเรียน เช่น ผู้เรียนสามารถเห็นปลาวาฬ หรือระบบสุริยะจักรวาล ได้โดยไม่ต้องดำน้ำไปดู หรือขึ้นกระสวยอวกาศออกไปดูนอกโลก
- ช่วยอธิบายเนื้อหาที่เข้าใจยากให้เห็นภาพได้มากขึ้น (Explain abstract and difficult concepts) ผู้เรียนสามารถเข้าใจการทำงานของเครื่องยนต์กลไกได้จากการใช้สมาร์ทโฟนส่องไปที่รูปภาพ หรือเครื่องยนต์ภายนอก
- สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับเนื้อหาการเรียน (Engagement and interaction) ผู้เรียนสามารถควบคุมมุมมอง หรือการเรียนรู้เนื้อหาได้ด้วยตนเอง เช่นสามารถดูส่วนต่างๆในมุมต่างๆของร่างกายมนุษย์ด้วยการเคลื่อนที่สมาร์ทโฟนไปรอบๆ ผู้เรียนสามารถกดปุ่ม โต้ตอบกับสื่อARได้ สามารถย้อนกลับมาเรียนรู้ได้ตลอดเวลา
- เรียนรู้จากโมเดลสามมิติ (Objects modelling) ผู้เรียนสามารถมองเห็นรูปร่างของวัตถุ AR ในรูปแบบสามมิติ คือเห็นได้ทุกมุมมองรอบด้านของวัตถุนั้นๆ ต่างจากการมองดูรูปภาพแบนๆ(สองมิติ)บนหนังสือตำราเรียนทั่วๆไป
- ส่งเสริมทักษะและการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Training) ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองทุกที่ทุกเวลา และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการอบรม เช่นอบรมฝึกให้ช่างซ่อมเครื่องถ่ายเอกสารได้ด้วยตนเอง ช่างสามารถใช้สมาร์ทโฟนฉายไปที่เครื่องถ่ายเอกสาร แล้วมีข้อมูลขั้นตอนการซ่อมแซมแสดงขึ้นมาให้เรียนรู้ได้ตนเอง
การประยุกต์ใช้ VR ในการศึกษา
- กายศาสตร์ เนื่องจากเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือนเป็นการนำร่างกายคนเราเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริง จึงสามารถนำมาใช้ทางด้านการศึกษาได้เป็นอย่างดี เช่น องค์การนาซ่า (NASA) ต้องการออกแบบอุปกรณ์ทางด้านอวกาศและดูว่านักบินอวกาศจะใช้อุปกรณ์เหล่านั้นได้อย่างไรนักวิจัยต้องใช้ความเป็นจริงเสมือนในการทำแบบจำลองอุปกรณ์นั้นและทดสอบว่าร่างกายมนุษย์จะสามารถเข้ากันได้และใช้อุปกรณ์นั้นอย่างไร
- โบราณคดี ความเป็นจริงเสมือนจะช่วยในการสำรวจซากโบราณสถานและโบราณวัตถุที่ค้นพบได้ว่าของเดิมเป็นอย่างไรและอยู่ในช่วงสมัยใด
- สถาปัตยกรรม ความเป็นจริงเสมือนสามารถนำมาใช้ในด้านการออกแบบอาคารโดยให้สถาปนิกและลูกค้าสำรวจภายในแบบจำลองและแก้ไขแบบการก่อสร้างให้เป็นไปตามต้องการ
- โลกเสมือนจริงทำให้ผู้เรียนไม่เสี่ยงต่ออันตรายในการลงพื้นที่จริงให้สามารถเรียนรู้ได้โดยปลอดภัย
- ขยายโอกาสให้ผู้เรียนสำรวจสถานที่ที่ไม่สามารถท่องไปได้ในความเป็นจริง เช่น อวกาศหรือภายในภูเขาไฟที่กำลังระเบิด
- เปิดโอกาสให้ผู้เรียนทำการทดลองในสิ่งแวดล้อมที่เป็นสถานการณ์จำลอง
![]() |
ที่มา : https://i.pinimg.com/originals/ed/3f/44/ed3f4409e1484f565280b82847ebb612.gif |
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
- https://spidyhero.wordpress.com/2018/09/26/arineducation/?fbclid=IwAR0svTKENWmErWRH8rYF8y-A-A5fhzC3q_y8W_SRnr7K8IiYqoxRoQUuxy0
- https://tuemaster.com/blog/augmented-reality-และ-virtual-reality-คืออนาคตของการศ/?fbclid=IwAR3SlRSThrAQDgivsqadQ9mEBnIdPw9ot41_NhxG0Xx5dAvmbn2ix8lsnWk
- https://www.facebook.com/designeducationx/posts/631420203975522